Advancing Digital Transformation
ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับธุรกิจในปัจจุบัน และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นสิ่งที่สามารถจะตัดสินได้ว่าธุรกิจใดจะก้าวต่อไปข้างหน้า หรือจะต้องหยุดชะงักลงเพียงเท่านี้เพราะไม่สามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยได้ การที่ธุรกิจจะมีปฏิสัมพันธ์ มีความเข้าใจ และสามารถดึงดูดผู้ซื้อยุคใหม่ได้นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจนั้นๆ นำเสนอประสบการณ์ด้านดิจิทัลให้กับลูกค้าได้อย่างไร ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ในปี 2020 ยอดค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจทั่วโลกใช้ลงทุนในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของตนเองให้เข้าสู่การเป็นดิจิทัลนั้นจะสูงถึงหนึ่งล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือคิดเป็น สามสิบล้านล้านบาท
หากคุณกังวลว่าเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจของคุณช้าเกินไป อยากให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่ถ้าคุณยังไม่เริ่มต้นทำอะไรเลย ช่องว่างระหว่างคุณกับคู่แข่งก็จะยิ่งขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพการณ์ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่ผลักดันให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการที่พนักงานไม่สามารถเข้าทำงานในออฟฟิศได้ จึงเกิดเป็นการทำงานจากทางไกล การประชุมออนไลน์ การจัดกิจกรรมการตลาดแบบออนไลน์ เช่น webinar ต่างๆ เป็นต้น การยึดมั่นในระบบไอทีแบบเดิมๆ ย่อมไม่ตอบโจทย์การเติบโตทางธุรกิจในยุคปัจจุบันได้อีกต่อไป การมองหาระบบคลาวด์และความพยายามในการวางแผนการใช้งานที่สมบูรณ์แบบยิ่งจะก่อให้กิดความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก—อย่าลืมว่าคลาวด์เป็นเพียงวิธีหนึ่ง ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด มันจึงดีกว่าที่มีประสบการณ์ใช้งานระบบคลาวด์โดยไม่ขึ้นกับสถานที่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่บริษัทต่างๆ มีการประเมินแผนงานของระบบคลาวด์ของตนอย่างต่อเนื่องและนำโมเดลไฮบริดมาคลาวด์ใช้เป็นกลยุทธ์ที่จะก้าวไปในอนาคต
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลครอบคลุมถึงความทันสมัยของทั้งแอพพลิเคชั่นและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดที่รองรับ ประกอบด้วยวิธีการใหม่ๆในการใช้ประโยชน์ต่างๆจากข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล Big Data และการนำ Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ประโยชน์ ร่วมด้วยเพื่อประสิทธิภาพสูงสูด แอพพลิเคชันที่มีความต้องการแตกต่างกันในด้านขนาด ประสิทธิภาพของระบบ การเชื่อมต่อ และความเข้ากันได้ของระบบซึ่งก่อให้เกิดระบบแยกกันแบบ Silo และมีความซับซ้อนมากในการดูแลระบบ ตลอดจนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อรับรองเตรียมทรัพยากรของระบบ Server
เพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ Hewlett Packard Enterprise แนะนำ HPE Superdome Flex ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็น Server ที่ก้าวล้ำสำหรับ Workload ที่หลากหลาย ใช้ประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก และรวมเข้ากับสถาปัตยกรรมแบบการสร้างบล็อก (Block Building) เพื่อการเติบโตที่คุ้มค่า ขณะนี้ในตระกูล HPE Superdome Flex กำลังมีการขยายเพิ่มเติม ด้วยการเปิดตัว HPE Superdome Flex 280 ซึ่งเป็นหน่วยการสร้างแบบ as-a-service ใหม่สำหรับการเปลี่ยนผ่านสุ่ดิจิทัล
HPE SUPERDOME FLEX 280 Servers
ได้รับการออกแบบมาเพื่อสภาพแวดล้อมแบบองค์กร HPE Superdome Flex 280 คือระบบของคุณที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ด้วย Intel Xeon Scalable โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 3 HPE Superdome Flex 280 ได้รับการออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรม HPE Superdome Flex แบบแยกส่วนที่เป็นเอกลักษณ์และสามารถขยายได้ในอนาคต
คุณสามารถเริ่มต้นด้วยโปรเซสเซอร์สองตัวและเพิ่มทีละแปดตัวโดยเพิ่มครั้งละ 2 ซ็อคเก็ตในระบบเดียว สามารถเลือกจากโปรเซสเซอร์ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Intel® Xeon® Gold หรือ Intel® Xeon® Platinum ซึ่งขึ้นอยู่กับความจำเป็นของ software licensing หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแอพพลิเคชั่น โดย server ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 64 GB ไปจนถึง 24 TB โดยใช้ DRAM ประสิทธิภาพสูงหรือใช้ร่วมกับ Intel® Optane™ Persistent Memory 200 series ซึ่งเป็นตระกูลล่าสุดที่ออกสู่ท้องตลาด
HPE Superdome Flex 280 มีโครงสร้างแบบ Scale-Up แบบ Modular โดยแต่ละโมดูลจะมีขนาด 5U ต่อบล็อก โดยแต่ละบล็อกจะสามารถรองรับโปรเซสเซอร์ 2 ซ็อกเก็ต หรือ 4 ซ็อกเก็ต และสามารถเชื่อมต่อบล็อกทั้งสองชุด (Building blocks) โดยใช้ลิงก์ Intel® UPI หกลิงก์สำหรับหนึ่งซ็อกเก็ต ซึ่งจะทำให้ HPE Superdome Flex 280 นั้นมีโปรเซสเซอร์สูงสุดถึง 8 ซ็อกเก็ต เพื่อประมวลผลข้อมูลที่เร็วขึ้นสำหรับแอพพลิเคชันที่มีปริมาณข้อมูลมาก
HPE Superdome Flex 280 ยังรองรับ I/O สูงสุดถึง 32 PCIe 3.0 cards คุณสามารถเลือกได้ 16 ช่อง (แบบ low profile ทั้งหมด) หรือ 12 ช่อง (Full Height) ต่อแชสซี ในรุ่น 16 ช่องนั้น CPU แต่ละตัวรองรับการ์ด x8 สองใบและ x16 PCIe สองใบ ในขณะที่แชสซีแบบ 12 ช่องนั้นสามารถรองรับช่องเสียบ x16 PCIe หนึ่งช่องและ GPU 300W หนึ่งช่องต่อ CPU สำหรับ Machine Learning, กราฟิก หรือ workloads ที่ต้องประมวลผลที่ต้องใช้ GPU, HPE Superdome Flex 280 รองรับ NVIDIA® Quadro GPU สูงสุดแปดตัว หรือ Tesla GPU สูงสุด 16 ตัว
HPE Superdome Flex 280 สามารถดูแลระบบ, การควบคุม และบริหารจัดการแพลตฟอร์มโดยใช้สถาปัตยกรรม ตระกูล HPE Superdome Flex ด้วยระบบ RMC และยังสามารถบริหารจัดการเครื่อง Server จากระยะไกลได้
RMC มี Redfish API ที่ได้มาตรฐานสำหรับการเขียนสคริปต์และระบบอัตโนมัติ เช่นเดียวกับเว็บ GUI ใหม่ของ HPE สำหรับงานทั่วไป เช่น Inventory, System Health Status, Security และการตั้งค่า LAN นอกจากนี้ยังมี CLI ที่สามารถเข้าถึงฟังก์ชัน RMC ทั้งหมดได้โดยง่าย ทำให้ดูแลระบบสามารถเขียนสคริปต์ง่ายๆ เพื่อดูข้อมูล Inventory และการตั้งค่าต่างๆ และยังสามารถใช้ HPE OneView เพื่อจัดการระบบร่วมกับผลิตภัณฑ์ของ HPE หลายระบบพร้อมๆกัน
ปกป้องข้อมูลอันมีค่าและป้องกัน DOWNTIME
เมื่อพูดถึงแอพพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ HPE Superdome Flex มอบความน่าเชื่อถือ (Reliability) ความพร้อมใช้งาน(Availability) และความสามารถในการให้บริการ (Serviceability) ซึ่งเป็น Feature “RAS” ที่ไม่เหมือนใคร ที่ช่วยให้องค์กรสามารถให้บริการระบบที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุด HPE Superdome Flex 280 ยังมีความสามารถที่เรียกว่า Firmware-first เพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยจะมีการจัดการข้อผิดพลาดต่างๆของส่วนประกอบต่างๆของระบบก่อนที่จะเกิดการหยุดชะงักในชั้น OS ได้
นอกจากนี้ HPE Superdome Flex 280 ยังมี Engine สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลที่ฝังอยู่ในระบบ โดยสามารถคาดการณ์ข้อผิดพลาดได้ก่อนที่จะเกิด และเริ่มการซ่อมแซมตัวเองโดยไม่ต้องให้ผู้ดูแลระบบเป็นคนจัดการ โดยจะตรวจสอบระบบฮาร์ดแวร์ทั้งหมดอย่างต่อเนื่องและจัดเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ และประเมินสิ่งที่ต้องแก้ไขเพื่อหลีกเลี่ยง Downtime ของระบบ และ Engine การวิเคราะห์ได้รับการออกแบบให้ใช้ร่วมงานกับ HPE Insight Remote Support หรือ HPE OneView เพื่อเชื่อมต่อกลับไปยัง HPE และตอบสนองการบริการโดยใช้เวลาที่เร็วที่สุดที่เป็นไปได้ ในกรณีของข้อผิดพลาดร้ายแรง ระบบบันทึกจะเริ่มรวบรวมความผิดพลาดแล้วสร้างบันทึกและแจ้งเตือนตัววิเคราะห์ระบบออฟไลน์ผ่าน Interface แบบ Out of band ไปยัง HPE เพื่อประเมินและวิเคราะห์ปัญหา ส่งผลให้สามารถซ่อมแซมได้รวดเร็วกว่าถึง 15 เท่า เมื่อเทียบกับ server ที่ไม่มีความสามารถนี้
เพื่อปกป้องข้อมูลที่มีค่าและเวิร์กโหลด กลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของ HPE Superdome Flex 280 ออกแบบโดยมุ่งเน้นไปที่การลดความเสี่ยงต่อการคุกคามยังจุดอ่อนต่างๆ โดย HPE Superdome Flex 280 ยังมีความสามารถ silicon root of trust ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ HPE ซึ่งเป็นโซลูชั่น Cyber Catalyst โดย MarshSM ช่วยให้สามารถตรวจจับการบุกรุกทางช่องโหว่ Firmware และยังป้องกันผลที่เกิดขึ้น และยังรองรับ Trusted Platform Module (TPM) เวอร์ช่นส์ 2.0 ตลอดจนถึง HPE จะมีการควบคุมความปลอดภัยทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ (Supply Chain) ไปจนถึง Firmware/Software ของระบบแบบ End-to-End เพื่อให้มั่นใจสูงสุดของผลิตภัณฑ์
ระบบเดียวที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลให้กับคุณ
HPE Superdome Flex 280 ได้รับการออกแบบมาเพื่อสภาพแวดล้อมสำหรับองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ HPE Superdome Flex 280 สามารถรองรับ SAP HANA, Oracle, Microsoft SQL Server และความต้องการระบบเพื่อประมวลผลวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ระบบ IoT หรือชุดข้อมูล แบบ AI รวมไปจนถึงระบบแบบ High Performance Computing ที่ซับซ้อนระดับ petascale
เทคโนโลยีหน่วยความจำขั้นสูงของ HPE ช่วยเพิ่มความเร็วให้ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ในโครงการ AI ขนาดใหญ่
ในโครงการปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อน หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกันจำนวนมากของ HPE Superdome Flex จะเร่งความเร็วข้อมูลเชิงลึกโดยลบข้อมูลที่ต้องนำมาเรียบเรียงอีกครั้ง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผู้นำด้าน AI ใช้ประโยชน์อย่างไรจาก Superdome Flex เพื่อช่วยให้โครงการ AI แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งเวิร์กโหลดและข้อมูล
ปัจจุบันองค์กรต่างๆ ทั่วโลกกำลังสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วย AI ใหม่ๆ และแต่ละองค์กรต่างก็มุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายที่แตกต่างกันและใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ในกรณีการใช้งาน AI Use cases ที่หลากหลายนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชุดข้อมูลมีขนาดใหญ่และซับซ้อน และถ้าข้อมูลการแบ่งสัดส่วนแบบ Partition ต่างๆก็ทำให้การประมวลผลหาความสัมพันธ์ทำได้ยาก – ดังนั้นส่วนใหญ่มักจะดีกว่าที่จะเก็บชุดข้อมูลไว้เป็นชิ้นเดียว ข้อมูลนี้จะช่วยเร่งความเร็วประมวลผลข้อมูลเชิงลึก (Insights) ได้เนื่องจากเราสามารถหลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลระหว่าง Server และเรียบเรียงข้อมูลใหม่อีกหลังการวิเคราะห์
ประโยชน์ของหน่วยความจำขนาดใหญ่ที่ใช้ร่วมกัน
ระบบที่เน้น AI มักมีการเชื่อมต่อถึงกันด้วยความเร็วสูง ซึ่งสามารถย้ายข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วระหว่างโปรเซสเซอร์แต่ละตัว แต่ในกลุ่ม AI แบบทั่วคลัสเตอร์ (Cluster) การย้ายข้อมูลระหว่างโหนดอาจนำไปสู่ปัญหาประสิทธิภาพด้านคอขวดได้ ทำให้มีความล่าช้า (Latency) เมื่อข้อมูลถูกย้ายระหว่าง server และต้องใช้เวลาในการรวบรวมชุดข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนอีกครั้งซึ่งถูกแตกย่อยและกระจายไปทั่วคลัสเตอร์
ในกรณีการใช้งานเหล่านี้ สถาปัตยกรรมโมดูลาร์แบบ Scale-Up ของ HPE Superdome Flex family ช่วยปรับปรุงเวลาในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก (Insight) และให้ข้อมูลที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับโซลูชั่น scale-out อีกทั้ง HPE Superdome Flex สามารถขยายจาก 4 เป็น 32 ซ็อกเก็ตและจากหน่วยความจำที่ใช้ร่วมกันน้อยกว่า 1 TB ถึง 48 TB เพื่อตอบสนองความต้องการ AI ในหน่วยความจำที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์ข้อมูลของคุณ HPE Superdome Flex 280 ขยายจาก 2 ถึง 8 ซ็อกเก็ตและจาก 64 GB ถึง 24 TB ของหน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน โดยใช้ DRAM เท่านั้นหรือใช้ร่วมกับหน่วยความจำถาวร (persistent memory) ด้วยแพลตฟอร์มเหล่านี้ คุณสามารถแก้ปัญหาที่สำคัญและเร่งความเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องแบ่งกั้นชุดข้อมูลและประกอบกลับเข้าไปใหม่หลังการวิเคราะห์
องค์กรชั้นนำและสถาบันวิจัยต่างๆมีการใช้ประโยชน์จาก HPE Superdome Flex ในวิธีดังกล่าวแล้วในหลายๆโครงการ AI ขนาดใหญ่
กรณีใช้งาน (Use case): การค้นพบภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์เร็วขึ้น 16 เท่า
AI เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทำงานเพื่อระบุภัยคุกคามที่ไม่รู้จัก สามารถช่วยเชื่อมโยงเหตุการณ์ ระบุรูปแบบ และตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยได้ อย่างไรก็ตาม การสแกนหาภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นเกี่ยวข้องกับการสำรวจ เก็บบันทึกกิจกรรมบนเครือข่ายขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งท้าทายและใช้เวลานาน
การผสมผสานของซอฟต์แวร์วิเคราะห์หลายโดเมน Reservoir Labs ENSIGN และ HPE Superdome Flex ได้ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการตรวจจับภัยคุกคามที่ไม่รู้จักได้เร็วกว่าวิธีการขยายขนาดแบบเดิม ENSIGN ทำงานโดยแยกย่อยชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (เช่น การบันทึกเครือข่าย) เป็นรูปแบบพฤติกรรมที่จดจำได้ จากนั้นจึงค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ผ่านกระบวนการสลาย tensor โดยไม่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมหรือข้อบ่งชี้เบื้องต้น ความสามารถในการประมวลผลในหน่วยความจำขนาดใหญ่ของ HPE Superdome Flex ช่วยให้ ENSIGN สามารถทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากเหล่านี้ได้ทั้งหมดในขนาดที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยความเรียบง่ายแบบระบบเดียว
ในการทดสอบ ENSIGN บน Superdome Flex ใช้เวลาเพียง 25 นาที ในการสำรวจกิจกรรมที่บันทึกไว้ความยาว 32 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของ Splunk ซึ่งใช้เวลานาน 8 ชั่วโมง ทำให้เห็นว่าเร็วกว่าถึง 16 เท่า!
กรณีใช้งาน (Use Case): Storage ประสิทธิภาพสูงสำหรับตัวเร่งความเร็ว AI
สถาบันวิจัยชั้นนำต่างเลือกใช้ HPE Superdome Flex เป็นพื้นฐานของระบบ Supercomputer ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วของ AI โดยทั้ง University of Edinburgh และ Pittsburgh Supercomputing Center (PSC) กำลังรวม Superdome Flex กับ Cerebras CS-1, an AI accelerator ซึ่งใช้เป็นพื้นฐานของโปรเซสเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดวงการ
EPCC ซึ่งเป็นศูนย์ Supercomputer แห่ง University of Edinburgh กำลังทดลองใช้ Superdome Flex เป็นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนหน้าประสิทธิภาพสูงและโซลูชั่นก่อนการประมวลผล สำหรับ supercomputer Cerebras CS-1 AI หน้าที่ของ Superdome Flex คือช่วยให้:
- แอพพลิเคชั่นการประมวลผลข้อมูลก่อน -และหลัง – ดำเนินการของข้อมูลสำหรับการฝึกอบรมโดยใช้ AI และการหาข้อสรุปโดยใช้ Cerebras CS-1s ทำงานที่ bandwidth เต็มรูปแบบ
- การใช้ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ในหน่วยความจำ
Mark Parsons ผู้อำนวยการของ EPCC กล่าวว่าศูนย์จำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่ในเทคโนโลยีที่ท้าทายอย่าง AI และการทำงานร่วมกับ HPE ทำให้สามารถ “สำรวจเทคโนโลยีและค้นพบสิ่งใหม่ๆ” เช่น Cerebra
กรณีใช้งาน (Use Case): การพัฒนาการแก้ปัญหา AI แบบใหม่
ระบบ Neocortex ใหม่ของ Pittsburgh Supercomputing Center ใช้หน่วยความจำขนาดใหญ่ที่ใช้ร่วมกับ HPE Superdome Flex เพื่อจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงสำหรับระบบ Cerebras CS-1 ทั้งนี้ PSC คาดว่า Neocortex จะสามารถยกระดับการจัดการกับปัญหา AI ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง GPU แบบเดิมไม่สามารถจัดการได้
Nick Nystrom หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Pittsburgh Supercomputing Center กล่าวว่า “สำหรับหน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน คุณไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาของคุณในหลายๆโหนด “คุณไม่จำเป็นต้องเขียน MPI และไม่ต้องกระจายโครงสร้างข้อมูลของคุณ ทั้งหมดอยู่ตรงที่ความเร็วสูง”
HPE Superdome Flex ได้รับการกำหนดค่าด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 2nd ทั้ง 32 ตัว, หน่วยความจำที่ใช้ร่วมกัน 24 TB, จัดเก็บข้อมูลบนสตอเรจ แฟลช 205 TB โดยจะเชื่อมต่อกับ CS-1 แต่ละตัวด้วย Ethernet links ขนาด 12 x 100 gigabit ซึ่งให้ bandwidth เพียงพอในการถ่ายโอนภาพยนตร์ ระดับ HD 37 เรื่องทุกๆวินาที
Andrew Feldman, CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Cerebras กล่าวว่า “เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Neocortex ซึ่งเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์โดยใช้ประโยชน์จากพลังประมวลผลมหาศาลของ CS-1 เพื่อการพัฒนาวิจัย AI” “เราคิดค้น CS-1 ให้เป็นคอมพิวเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในวงการ และเมื่อรวมกับ server หน่วยความจำขั้นสูงของ HPE มันสามารถเร่งและปรับปรุงอนาคตของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างแท้จริง”
เรียนรู้เพิ่มเติม
ตามที่เราเห็นได้จากกรณีการใช้งาน (Use Case) ทั้งสามนี้ ไม่มี AI Workload ใดๆที่ทั้งสองรายการจะค่อนข้างเหมือนกัน และเมื่อคุณทำงานกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อน มักจะดีกว่าที่จะเก็บข้อมูลจำนวนมากไว้ในหน่วยความจำขนาดใหญ่แห่งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก (insight) ได้เร็วขึ้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้หน่วยความจำขนาดใหญ่ร่วมกันของตระกูล HPE Superdome Flex สามารถช่วยคุณจัดการกับปัญหา AI โดยรวมทั้งหมด กรุณาคลิกด้านล่าง